โรคงูสวัด คืออะไร สาเหตุ อาการ การรักษา ?

รอบรู้เรื่องสุขภาพวันนี้เราขอพาทุกคนไปรู้จักกับโรคที่ได้มีการปวดแสบหรือเป็นการปวดร้อนที่ถือว่ามีการเกิดจากทางด้านของตัวเชื้อไวรัสที่ถือว่าเป็นตัวเดียวกันจริง ๆ กับทางด้านของโรคที่เกิดอีสุกอีใสอย่าง โรคงูสวัด กันนะคะ บางคนอาจจะคุ้นเคยหรือรู้จักกับโรคนี้เป็นอย่างดี แต่สำหรับใครที่ไม่รู้จักเลยหรือแค่เคยได้ยินชื่อผ่านๆ วันนี้เราก็จะพาไปรู้จักกับลักษณะของโรคกันนะคะ วไปดูกันว่าจริงๆแล้วโรคงูสวัดนั้นคือโรคอะไร มีสาเหตุ อาการและการรักษาเป็นแบบไหน ต้องห้ามพลาดกันไปเลย

โรคงูสวัด โรคสุดทรมานที่ไม่มีใครอยากเป็น

โรคงูสวัด

โรคงูสวัด คือ โรคชนิดหนึ่งที่ถือว่ามีมาของสาเหตุนั้นจากการที่ได้ติดมาของตัวเชื้อไวรัสที่ได้มีชื่อว่า Varicella Virus ซึ่งมันนั้นเป็นตัวเชื้อไวรัสที่ถือว่าเป็นตัวเดียวกันเลยจริง ๆ กับทางด้านของเชื้อที่ได้มีการก่อให้ได้เกิดมาของโรคที่เป็นอีสุกอีใส เชื้อตัวนี้มักแฝงอยู่ในร่างกายและจะค่อยๆแบ่งตัวเพิ่มขึ้น มันจะเข้าไปทำให้ในส่วนของเส้นประสาทนั้นเกิดการที่ได้อักเสบ

ส่งผลให้บริเวณตามแนวทางของตัวประสาทนั้นได้มีการเกิดสิ่งที่เป็นการปวดกันนั้นตามมา นอกจากนี้มันก็จะปล่อยออกมาของเชื้อออกมาที่บริเวณของผิวหนังนั้นตามไปในแนวของตัวเส้นประสาทและปรากฏออกมาในลักษณะผื่นแดงตามผิวหนังให้เราเห็น  โดยโรคงูสวัดนั้นตัวเชื้อไวรัสมันจะเข้าสู่ร่างกายของเราผ่านการหายใจหรือการสัมผัสเชื้อโดยตรง เชื้อจะเข้าไปหลบซ่อนและแฝงตัวในร่างกายตามข้างต้นที่เราได้กล่าวไป ซึ่งใครที่มีภูมิคุ้มกันต่ำเชื้อก็จะเริ่มแบ่งตัวมากขึ้นและแสดงอาการออกมาในที่สุด 

โรคงูสวัด

อาการของโรคงูสวัดนั้นผู้ป่วยจะรู้สึกปวดแสบหรือที่จะเป็นการปวดร้อนกันนั้นตรงบริเวณผิวหนังในช่วงแรก จากนั้นผ่านไป 2-3 วันก็จะเริ่มมีผื่นแดงขึ้นตามบริเวณที่รู้สึกปวดแสบปวดร้อนและมันจะกลายเป็นตุ่มใสในที่สุด โดยบริเวณที่ได้มีมาของตุ่มใสนั้นขึ้นก็จะเป็นไปในช่วงของตามกันไปในแนวของตัวเส้นประสาทที่มันเองนั้นได้มีการเรียงตัวกันไปแบบเกาะกลุ่มเรียงตัวกันไปยาว ๆ  เมื่อผ่านไปสักพักตุ่มใสก็จะแตกออกและกลายเป็นแผล จากนั้นก็จะตกสะเก็ดและหายไปเองโดยใช้เวลาประมาณ 2 อาทิตย์ แต่อย่างไรก็ดีแม้แผลจะหายไปแล้วก็อาจยังมีอาการเจ็บปวดตามบริเวณแนวเส้นประสาทอยู่ นอกจากนี้ผู้ป่วยโรคงูสวัดบางรายอาจมีภาวะที่ได้มีการแทรกซ้อนกันนั้นร่วม เช่น การติดเชื้อแบคทีเรีย เป็นตาอักเสบ อาการเจ็บตามแนวเส้นประสาทและภาวะแทรกซ้อนทางหู เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่ภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้มีกจะเกิดกับผู้ป่วยที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป

โรคงูสวัด

การรักษาโรคงูสวัดนั้นก็จะแตกต่างกันไปตามแต่ของพวกอาการนั้นของทางด้านตัวผู้ป่วยกันเลยในแต่ละคน โดยจะมีทั้งการรักษาตามอาการ เช่น การประคบแผลด้วยน้ำเกลือ การทายา การรักษาโดยใช้ยาต้านไว้รัส การใช้ยาปฏิชีวนะทั้งแบบทาและแบบทาน ตลอดจนการทานยาบรรเทาอาการ การดูแลทำความสะอาดแผล เป็นต้น และห้ามพลาด star5566  แทงบอลออนไลน์ได้ทุกที่ทุกเวลา เดิมพันง่าย รวยไว คุ้มค่า มั่นคง และปลอดภัย 100%

ติดตามข้อมูล เคล็ดของการมีสุขภาพที่ดี และเนื้อหาบทความ รุ้ทันโรค ให้คุณได้ติดตามที่นี่